แหล่งซากดึกดำบรรพ์ภูกุ้มข้าว

แหล่งซากดึกดำบรรพ์ภูกุ้มข้าว

แหล่งซากดึกดำบรรพ์ภูกุ้มข้าว ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านโนนศึกษา ตำบลโนนบุรี อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ซากดึกดำบรรพ์พบในหินทรายเนื้อละเอียดสีน้ำตาลแดง อายุอยู่ในช่วงยุคครีเทเชียสตอนต้น เป็นพื้นที่ที่มีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์โครงกระดูกไดโนเสาร์ที่สมบูรณ์ที่สุดที่เคยพบมาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยโครงกระดูกวางตัวต่อเนื่องกันตั้งแต่ลำตัวไปจนถึงหางที่โค้งตวาดพาดไปบนส่วนสะโพก จากการศึกษาเบื้องต้นพบว่าเป็นไดโนเสาร์ ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ พบร่วมกับไดโนเสาร์กินพืชอีก 2 ชนิดที่แตกต่างกัน ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยในรายละเอียดกระดูกและฟันที่พบกระจายตัวอยู่ทั่วบริเวณ แหล่งซากดึกดำบรรพ์ภูกุ้มข้าวมีจำนวนรวมมากกว่า 700 ชิ้น และคาดว่าเป็นไดโนเสาร์อย่างน้อย 7 ตัว นอกจากนี้ยังค้นพบเต่าสายพันธุ์ใหม่ของโลก ได้แก่ เต่าอีสานนิมิส ศรีสุกิ (Tong et al., 2006) และบริเวณใกล้เคียงกับแหล่งขุดค้นภูกุ้มข้าว ยังมีการค้นพบฟันฉลาม Sclerorhynchoid ซึ่งไม่เคยพบที่ใดมาก่อนในประเทศไทย

การค้นพบซากดึกดำบรรพ์ที่สมบูรณ์มากและซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์สายพันธุ์ใหม่ทำให้พื้นที่ภูกุ้มข้าวได้รับการประกาศเป็นแหล่งซากดึกดำบรรพ์ขึ้นทะเบียนในวันที่ 5 กันยายนพ.ศ 2557

กาฬสินธุ์ถิ่นไดโนเสาร์

ณ ภูกุ้มข้าว ทีมสำรวจทำแผนที่ธรณีที่จังหวัดร้อยเอ็ดเมื่อปี พ.ศ 2521 โดย นายวราวุธ สุธีธรและนายไพรัตน์ จรรหาญ ได้สำรวจบริเวณภูกุ้มข้าว อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ พบกระดูก 3 ชิ้น เก็บไว้ในวัดสักกะวัน โดยพระครูวิจิตรสหัสคุณ เจ้าอาวาส ร่วมกับโบราณวัตถุต่าง ๆ จึงได้ขอนำมาตรวจสอบ 1 ชิ้นจนกระทั่งปี พ.ศ 2523 คณะสำรวจไทย-ฝรั่งเศสได้ทำการค้นหาเพิ่มเติม แต่ไม่พบชั้นกระดูก จึงได้ขอกระดูก 2 ชิ้นที่เหลือมาตรวจสอบ พบว่าทั้ง 3 ชิ้นเป็นกระดูกท่อนเดียวกันของกระดูกขาซ้ายของไดโนเสาร์ซอโรพอด

แหล่งซากดึกดำบรรพ์ภูกุ้มข้าว

เดือนกันยายน พ.ศ 2537 นายวราวุธ สุธีธร นางเยาวลักษณ์ ชัยมณี นายอัสนี มีสุข นายธีระพล วงศ์ประยูร และคณะจากกองธรณีวิทยา ได้ออกศึกษาวิจัยซากหอยที่พบในแหล่งไดโนเสาร์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในระหว่างสำรวจได้รับแจ้งจากฝ่ายพัฒนาน้ำบาดาล 3 โดยนายอนันต์ เกตุเอม และนายสุนทร ปัญจสุธารส ว่าทางวัดสักกะวันพบกระดูกคาดว่าเป็นไดโนเสาร์ จึงได้ไปตรวจสอบร่วมกัน เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2537 ผลการขุดทดสอบเบื้องต้น พบว่าเป็นแหล่งสะสมกระดูกที่น่าสนใจมาก แต่ว่าช่วงเวลาที่ขุดไปฤดูฝนชั้นหินมีน้ำมาก ทำให้การขุดค้นไม่สะดวกอาจทำให้กระดูกเสียหายได้ จึงทำการปิดหลุมไว้ชั่วคราว และเริ่มขุดอย่างมีระบบในเดือนพฤศจิกายน 2537 โดยคณะสำรวจไทย-ฝรั่งเศสได้เริ่มฝึกตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2537 ถึง 20 ธันวาคม 2537 พบกระดูกจำนวนมากจะถูกชิ้นสุดท้ายที่ได้ลงในแผนผังคือ 181 ทำให้หลุมขุดค้นภูกุ้มข้าวนี้เป็นแหล่งที่พบซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์มากที่สุดในประเทศไทย เพื่อป้องกันหลุมขุดค้น นางประพิศ สัมปัตตะวนิช ผู้ตรวจราชการกรมทรัพยากรธรณี ขณะนั้น ร่วมกับนายอนันต์ เกตุเอม หัวหน้าฝ่ายพัฒนา 3 จึงได้สนับสนุนให้สร้างหลังคาและรั้วป้องกัน ในการพักช่วงการขุดค้น คณะสำรวจได้ทำการขุดค้นต่อเนื่องตลอดปี 2538 พบกระดูกอีกหลายร้อยชิ้น ที่น่าสนใจมากคือโครงกระดูกไดโนเสาร์ตัวหนึ่งเกือบครบสมบูรณ์ทั้งตัว โดยกระดูกยังเรียงรายต่อกันอยู่ ขาดเพียงส่วนคอขึ้นไป โครงกระดูกที่พบนับว่าเป็นโครงสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยพบมาในประเทศไทย นอกจากนี้คงยังพบส่วนกะโหลกไดโนเสาร์อีกหลายชิ้น ทำให้ทราบว่าแหล่งนี้มีไดโนเสาร์ซอโรพอด 3 ชนิดและไดโนเสาร์เทอโรพอด 2 ชนิด จากกระดูกที่พบทั้งหมดกว่า 700 ชิ้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีฯ เสด็จทอดพระเนตร หลุมขุดค้นภูกุ้มข้าว วัดสักกะวัน เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนพ.ศ 2538 จนกระทั่งปีพ.ศ 2562 ดร.พรเพ็ญ จันทสิทธิ์ และคณะได้ทำการเปิดกองหินเหนือโครงกระดูกของ ภูเวียงโกซอรัส พบกล่องสมอง และกระดูกอีกจำนวนมากของไดโนเสาร์ซอโรพอดอีก 3 ชนิด

พิกัดสถานที่ จากที่นี่

อ้างอิงจาก เอกสารประกอบการสัมมนาวิชาการ เรื่อง “ความโดดเด่นทางด้านธรณีวิทยา อุทยานธรณีกาฬสินธุ์” วันที่ 28-29 มีนาคม 2566 ณ พิพิธภัณฑ์สิรินธร

นโยบายการใช้ Cookie | This website uses cookies

คุณสามารถเลือกปฏิเสธการทำงานของคุ้กกี้ได้ตามความต้องการของคุณ โดยการตั้งค่าเบราว์เซอร์หรือการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของคุณ เพื่อระงับการเก็บรวมรวบข้อมูลโดยคุกกี้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม หากคุณตั้งค่าเบราว์เซอร์ หรือค่าความเป็นส่วนตัวของคุณ ด้วยการปฎิเสธการทำงานของคุกกี้ทั้งหมด คุณอาจไม่สามารถใช้งานฟังก์ชั่นบางอย่าง หรือทั้งหมดบนเว็บไซต์kalasingeoparkksuacthได้อย่างมีประสิทธิภาพ กดปุ่ม "ยอมรับทั้งหมด" เพื่ออนุญาตให้เราสามารถนำข้อมูลการใช้งานไปวิเคราะห์เพื่อพัฒนาเว็บไซต์ต่อไปนโยบายคุกกี้
We use cookies to personalise content and ads, to provide social media features and to analyse our traffic. We also share information about your use of our site with our social media, advertising and analytics partners who may combine it with other information that you’ve provided to them or that they’ve collected from your use of their services.
นโยบายการใช้คุกกี้ | Cookie Policy